อุดรธานี

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

อุทยานธารงาม


น้ำตกธารงาม

    วนอุทยานน้ำตกธารงาม  วนอุทยานน้ำตกธารงาม ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าขุนห้วยสามทาก ขุนห้วยกองสี ตำบลหนองแสง มีพื้นที่ทั่งหมดประมาณ ๗๘,๑๒๕ ไร่ ประกาศเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๒๗ ลักษณะสภาพพื้นที่ของวนอุทยานฯ เป็นภูเขาสูงชัน และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่ไหลลงสู่ห้วยสามทาก-ห้วยน้ำฆ้องตลอดปี

      จุดเด่นที่น่าสนใจภายในวนอุทยานฯ มีหน้าผา ถ้ำที่สวยงาม และมีลานหิน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “แหล” เป็นแหลขนาดใหญ่ เนื้อที่กว้างขวาง มีก้อนหินใหญ่ตั้งวางเรียงราย และซ้อนกันอยู่ และที่จุดนี้สามารถมองเห็นวิวทัศน์ที่อยู่เบื้องล่างได้ พรรณไม้ที่พบเห็นได้แก่ ประดู่ นนทรี ยาง กระบะตะเคียนทอง ตะเคียงเงิน และสัตว์ป่าที่พบได้แก่ หมู่ป่า กระจง ค่าง อีเห็น

       สถานที่พัก วนอุทยานน้ำตกธารงามไม่มีบ้านพักบริการสำหรับนักท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะเดินทางไปพักแรม หรือทัศนศึกษา จะต้องนำเต็นท์ไปเอง และควรติดต่อขออนุญาตก่อนล่วงหน้าได้ที่ หัวหน้าวนอุทยานน้ำตกธารงาม หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายจัดการวนอุทยาน ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ โทร. ๐ ๒๕๖๑ ๔๒๙๒-๓ ต่อ ๗๑๙ 

พระพุทธบาทหลังเต่า


พระพุทธบาทหลังเต่า

              ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระพุทธบาทบังบก     มีลักษณะเป็นรอยพระบาทสลักลึกลงไปในพื้นหิน     ใจกลางพระบาท สลักเป็นรูปดอกบัว กลีบแหลมนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และเนื่องจากพระพุทธบาทแห่งนี้อยู่ไกล้กับเพิงหินธรรมชาติรูปร่างคล้ายเต่า ๆ จึงได้ชื่อว่า พระพุทธบาทหลังเต่า
              นอกจากนี้ยังมีถ้ำและเพิงหินต่างๆตั้งกระจ่ายอยู่ทั่วไปในบริเวณอุทยานฯนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ในระยะทางไม่ไกลนัก ได้แก่ ถ้ำลายมือ ถ้ำโนนสาวเอ้ ถ้ำคน  ถ้ำวัวแดง(ซึ่งถ้ำเหล่านี้สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นที่พำนักของมนุษย์สมัยหิน  และมนุษย์เหล่านี้ได้เขียนรูปต่าง ๆ ไว้เช่น  รูปคน  รูปมือ รูปสัตว์ และรูปเรขาคณิต) และมีลายหินที่สวยงาม คือ ลานหินโนนสาวเอ้      นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนหลักเสมาและหินทรายจำหลักพระพุทธรูปศิลปะสมัยทวาราวดีที่เพิงหินวัดพ่อตาและเพิงหินวัดลูกเขย

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท


อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
  อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3,430 ไร่ ในเขตบ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อยู่ห่างจากตัวจังหวัดระยะทางประมาณ 67 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 2 เส้นอุดรธานี-หนองคาย ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 13 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2021 ไปทางอำเภอบ้านผือ ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร แยกขวาประมาณ 500 เมตร และตรงไปตามเส้นทางหมายเลข 2348 อีกประมาณ 12 กิโลเมตร มีแยกขวาเป็นทางเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่ซึ่งแสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศซึ่งมีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทรายที่ถูกขัดเกลาจากขบวนการกัดกร่อนทางธรรมชาติทำให้เกิดเป็นโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างต่าง ๆ กัน ปรากฏเป็นหลักฐานเกี่ยวกับชีวิตผู้คนในอดีตที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ

พระพุทธบาทบัวบก ตั้งอยู่บริเวณทางแยกซ้ายมือก่อนถึงที่ทำการอุทยานฯสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2463-2477 คำว่า "บัวบก" เป็นชื่อของพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นตามป่า มีหัว และใบคล้ายใบบัว ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า ผักหนอก บัวบกนี้คงจะมีอยู่มากในบริเวณที่พบรอยพระพุทธบาท จึงเรียกรอยพระพุทธบาทนี้ว่า "พระพุทธบาทบัวบก" หรือคำว่าบัวบกอาจจะมาจากคำว่า บ่บก ซึ่งหมายถึง ไม่แห้งแล้ง รอยพระพุทธบาทมีลักษณะเป็นแอ่งลึกประมาณ 60 เซนติเมตร ลงไปในพื้นหินยาว 1.93 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร เดิมมีการก่อมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2465 พระอาจารย์ศรีทัตย์ สุวรรณมาโจ ได้รื้อมณฑปเก่าออกแล้วสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นใหม่ และยังสร้างรอยพระพุทธบาทจำลองวางทับรอยพระพุทธบาทเดิมไว้ ภายในพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตัวองค์เจดีย์เป็นทรงบัวเหลี่ยมคล้ายองค์พระธาตุพนม มีงานนมัสการพระพุทธบาทบัวบกในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี

ภายในบริเวณอุทยานฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลของอุทยานฯ รวมทั้งแผนที่ และเส้นทางเดินเที่ยวชมบริเวณ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น. อัตราค่าเข้าชม นักท่องเที่ยว ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท

หมู่บ้านนาข่าและศูนย์หัตถกรรมบ้านเม่น


บ้านนาข่า
อยู่ในเขตอำเภอเมือง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 16 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-หนองคาย) ไป 16กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรังเข้าไปอีก กิโลเมตร

ศาลเจ้าปู่-ย่า

ศาลเจ้าปู่ย่า
          ศาลเจ้าปู่ย่า เทพเจ้าแห่งความเมตตา ได้รับกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์  แผ่ความเมตตาแก่คนยากไร้   ผู้ใดมีทุกข์โศก   มักจะไปจุดธูปขอให้ความทุกข์ที่มีอยู่สลายไป   หรือไปบนบานศาลกล่าวขอให้การค้าเจริญรุ่งเรืองและมักจะได้บารมีจากเทพเจ้าปู่ย่า  ดลบรรดาลให้สมหวังในสิ่งที่ขอ   บริเวณโดยรอบมีศาลาชมวิวกลางน้ำ 2 หลัง   สร้างอย่างวิจิตรสวยงาม     อยู่ในเขตเทศบาลตามถนนนิตโยทางไปจังหวัดสกลนคร    ผ่านทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้าย
เข้าไปอีกประมาณ 100 เมตร

วัดมัชฌิมาวาส


วัดมัชฌิมาวาส
วัดมัชฌิมาวาส ตั้ง อยู่ที่ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง เดิมเคยเป็นวัดร้างมาก่อน ชาวบ้านิยมเรียกว่าวัดเดิมหรือวัดเก่า ในวิหารเล็กๆ ภายในวัด มีพระพุทธรูปหินสีขาวปางนาคปรกประดิษฐานอยู่  ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อนาค"   เป็นที่เคารพสักการะ ของชาวอุดรธานีมาก   ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม   ได้โปรดให้สร้างวัดขึ้นที่วัดร้างโนนหมากแข้ง และให้ชื่อว่า "วัดมัชฌิมาวาส"

สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์

กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์

ตั้งอยู่ที่ซอยกมลวัฒนาถนนรอบอุดร-หนองสำโรง จากตัวเมืองใช้เส้นทางหมายเลข 2 (อุดรธานี-หนองคาย) ระยะทางประมาณ 2กิโลเมตร เลยแยกถนนเลี่ยงเมืองไปเล็กน้อย ทางซ้ายมือจะมีแยกเข้าหนองสำโรง และมีป้ายบอกทางเข้าสวนกล้วยไม้ทางด้านซ้ายมือ สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์เป็นสวนกล้วยไม้ที่ผลิตกล้วยไม้กลิ่นหอมพันธุ์ใหม่ของไทย ซึ่งใช้เวลาในการค้นคว้าและผสมพันธุ์ถึง 10 ปีเศษ ชื่อพันธุ์ Udon Sunshine พันธุ์นางสาวอุดรซันไฌน์ ซึ่งมีการนำไปสกัดทำน้ำหอมในชื่อเดียวกัน ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. (042) 242475